Skip to main content

ทำไมความถี่ 50kHz ถึงสำคัญ ทั้งที่มนุษย์ไม่ได้ยิน? 🎵🔊

 


ทำไมความถี่ 50kHz ถึงสำคัญ ทั้งที่มนุษย์ไม่ได้ยิน? 🎵🔊

เวลาเราพูดถึงคุณภาพเสียง หลายคนอาจเข้าใจว่ามันเกี่ยวข้องแค่กับช่วงความถี่ที่หูมนุษย์สามารถรับรู้ได้ ซึ่งโดยทั่วไปจะอยู่ที่ประมาณ 20Hz - 20kHz แต่ในโลกของวงการเพลงและออดิโอไฟล์ การมี ย่านความถี่สูงกว่านั้น (Ultrasonic Frequencies) เช่น 50kHz หรือมากกว่า กลับส่งผลสำคัญอย่างมากต่อความสมจริงของเสียง 🎶

เรื่องนี้อาจฟังดูขัดแย้ง เพราะถ้าหูเราไม่ได้ยินโดยตรง ทำไมมันถึงสำคัญ? 🤔 แต่ในความเป็นจริง เสียงไม่ได้เกิดจากแค่ความถี่หลัก (Fundamental Frequency) เท่านั้น แต่มันเป็นผลรวมของ Harmonic และ Overtone ที่ช่วยทำให้เสียงมีมิติและความเป็นธรรมชาติ 🌀


1. Overtone & Harmonic – ทำไมถึงมีผลต่อเสียงที่เราได้ยิน?

เสียงทุกเสียงที่เกิดขึ้นจากเครื่องดนตรี หรือแม้แต่เสียงพูดของมนุษย์ ไม่ได้เกิดจากคลื่นเสียงความถี่เดียว แต่เป็นผลรวมของคลื่นความถี่หลาย ๆ ตัวที่เกิดขึ้นพร้อมกัน ซึ่งเรียกว่า Overtone และ Harmonic

🎼 Overtone และ Harmonic คืออะไร?

Harmonic คือความถี่ที่เป็นทวีคูณของความถี่หลัก เช่น ถ้าเสียงพื้นฐาน (Fundamental) คือ 1kHz ฮาร์มอนิกตัวที่สองคือ 2kHz ตัวที่สามคือ 3kHz และไปเรื่อย ๆ
Overtone คือคลื่นเสียงที่อยู่เหนือเสียงพื้นฐาน ซึ่งอาจไม่ใช่ตัวคูณพอดีเหมือน Harmonic แต่มีผลต่อสีสันของเสียง

🎻 ตัวอย่างเช่น เสียงไวโอลินที่เล่นโน้ต C อาจมีความถี่พื้นฐานอยู่ที่ 262Hz (C4) แต่จริง ๆ แล้ว เสียงที่เราได้ยินเป็นการรวมกันของ Fundamental + Overtone ที่มีความถี่สูงขึ้นไปถึงหลายสิบ kHz ซึ่งช่วยให้เสียงของเครื่องดนตรีมีความเป็นธรรมชาติ และมี "เนื้อเสียง" หรือ "Timbre" ที่เป็นเอกลักษณ์


2. ความถี่ 50kHz มีผลต่อเสียงอย่างไร?

🔬 งานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ – Hypersonic Effect

มีงานวิจัยสำคัญโดย Dr. Tsutomu Oohashi และทีมจากประเทศญี่ปุ่นที่ศึกษาผลกระทบของความถี่สูงที่เกินการได้ยินของมนุษย์ โดยใช้การบันทึกเสียงที่รองรับความถี่สูงถึง 100kHz และพบว่ามันส่งผลกระทบต่อสมองมนุษย์แม้หูเราจะไม่ได้ยินก็ตาม

📌 ผลลัพธ์ที่น่าสนใจ:
✅ สมองของเราสามารถตอบสนองต่อความถี่สูงที่เกิน 20kHz ผ่านกระบวนการ Neurophysiological
✅ เมื่อฟังเสียงที่มีช่วงความถี่สูงครบถ้วน สมองมีการกระตุ้นที่แตกต่างจากเสียงที่ถูกตัดความถี่สูงออก
✅ ผู้ฟังมักรู้สึกว่าเสียงมีรายละเอียดมากขึ้น มีมิติ ลึกขึ้น และมีความกังวาน (Airiness)

🧠 สรุปคือ แม้ว่าหูเราอาจไม่ได้ยินเสียง 50kHz โดยตรง แต่สมองและร่างกายสามารถ "รับรู้" ได้ และมันช่วยเสริมให้เสียงที่อยู่ในช่วงที่เราได้ยินมีความเต็มอิ่มมากขึ้น


3. ทำไมวงการดนตรีถึงให้ความสำคัญกับความถี่สูงกว่า 20kHz?

ในอุตสาหกรรมดนตรีและออดิโอไฟล์ ระบบเสียงที่สามารถตอบสนองความถี่สูงได้อย่างแม่นยำมักถูกเลือกใช้ในงานบันทึกเสียงและการฟังระดับไฮเอนด์

🎙️ ไมโครโฟนคุณภาพสูง:
ไมโครโฟนระดับสตูดิโออย่าง Neumann U87, Sony C800G หรือ Sennheiser MKH 800 ถูกออกแบบให้สามารถจับเสียงได้ถึง 50kHz เพื่อให้ได้รายละเอียดสูงสุดของเสียงร้องและเครื่องดนตรี

🎚️ DAC และ Audio Interface ระดับโปร:
เครื่องแปลงสัญญาณดิจิทัลเป็นแอนะล็อก (DAC) อย่าง dCS, Chord Hugo, RME รองรับความละเอียดสูงถึง 192kHz - 384kHz เพื่อรักษาความถี่สูงเหล่านี้ไว้ในการเล่นเพลง

🎻 เครื่องดนตรีอะคูสติก:
เครื่องดนตรีคลาสสิกเช่น ไวโอลิน, เปียโน, แซกโซโฟน ล้วนสร้างความถี่สูงกว่า 20kHz ได้ และหากบันทึกความถี่สูงเหล่านี้ได้ครบ จะทำให้เสียงมีความลึกและสมจริงมากขึ้น


4. ถ้าตัดความถี่สูงออกไป จะเกิดอะไรขึ้น?

ถ้าเราใช้ระบบเสียงที่จำกัดช่วงความถี่ เช่น ลำโพงหรือหูฟังที่มี Bandwidth แคบ หรือ ไฟล์เพลงที่ถูกบีบอัดแบบ Lossy (เช่น MP3 128kbps ที่ตัดความถี่สูงออก) สิ่งที่เกิดขึ้นคือ...

❌ เสียงจะฟังดูแบน ไม่มีมิติ
❌ เสียงเครื่องดนตรีฟังดูแห้ง แข็ง ไม่มีความนุ่มลึก
❌ บรรยากาศและความสมจริงของเพลงลดลง

แต่ถ้าระบบเสียงสามารถถ่ายทอดความถี่สูงได้อย่างครบถ้วน (เช่น ไฟล์เพลง Hi-Res, DSD, หรือการฟังจากแผ่นไวนิล) คุณจะสัมผัสได้ว่า...

✅ เสียงมีรายละเอียดที่ดีขึ้น 🎶
✅ เสียงร้องมี "อากาศ" และเวทีเสียงที่กว้างขึ้น 🎤
✅ เครื่องดนตรีมีความเป็นธรรมชาติ ไม่แข็งกระด้าง 🎻


5. ความถี่สูงไม่ได้มีไว้ "ได้ยิน" แต่มีไว้ "รู้สึก"

ความถี่สูง 50kHz ไม่ใช่แค่เรื่องของ "การได้ยิน" เท่านั้น แต่มันเกี่ยวข้องกับ "ความรู้สึก" และ "อารมณ์" ของเสียง 🎵

👂 เสียงที่ดี ไม่ใช่แค่เสียงที่ได้ยิน แต่เป็นเสียงที่สัมผัสได้
💡 มันคือเหตุผลว่าทำไมเราถึงรู้สึกว่าเสียงจากแผ่นไวนิล หรือไฟล์ Hi-Res ฟังดูสมจริงและลึกซึ้งกว่า MP3 ธรรมดา


สรุป:

1️⃣ Harmonic & Overtone ที่เกิน 20kHz มีผลต่อเสียงที่เราได้ยิน ทำให้เสียงมีมิติและเป็นธรรมชาติ
2️⃣ งานวิจัยชี้ว่า สมองตอบสนองต่อความถี่สูง แม้หูจะไม่ได้ยินโดยตรง
3️⃣ อุปกรณ์ระดับโปร เช่น ไมโครโฟน, DAC และลำโพงไฮเอนด์ ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับย่านความถี่สูงเหล่านี้
4️⃣ ถ้าตัดความถี่สูงออก เสียงจะขาดรายละเอียด ไม่มีมิติ และไม่นุ่มนวล
5️⃣ ระบบเสียงที่ดีต้องสามารถเก็บรายละเอียดทุกย่านความถี่ เพื่อให้เสียงมีความสมจริงและเป็นธรรมชาติที่สุด

ดนตรีไม่ใช่แค่เรื่องของเสียง แต่เป็นเรื่องของความรู้สึก และความถี่สูงมีผลต่อความรู้สึกนั้นมากกว่าที่คิด! 🎧✨


https://www.facebook.com/tumlavender

Looking for unique, one-of-a-kind earbuds? 🎧✨ Click here now! 👇

Comments

Popular posts from this blog

🔌 Regulated DC Voltage vs. LDO: What’s the Difference? Which One Should You Choose? 🔋

  🔌 Regulated DC Voltage vs. LDO: What’s the Difference? Which One Should You Choose? 🔋 Many people have heard of Regulated DC Voltage and LDO (Low Dropout Regulator) in electronics or circuit design, but do you know if they are the same? 🤔 Today, we will clarify everything with a detailed explanation and a comparison table to help you decide which one to use! 🚀 🔍 What is Regulated DC Voltage? Regulated DC Voltage refers to a DC voltage that is stabilized regardless of variations in load or input voltage. The circuit must be able to maintain a steady output voltage. 🔹 There are several ways to achieve regulated DC voltage, such as: ✅ Linear Regulators (e.g., 78xx, 79xx series) ✅ Switching Regulators (e.g., Buck, Boost, Buck-Boost converters) ✅ LDO (Low Dropout Regulator) (a type of Linear Regulator) Common applications include adapters, power banks, and switching power supplies (SMPS) that provide stable voltages like 5V, 9V, or 12V. ⚡ 🔍 What is an LDO (L...

🔌 Regulated DC Voltage vs. LDO ต่างกันอย่างไร? ควรเลือกใช้อันไหน? 🔋

  🔌 Regulated DC Voltage vs. LDO ต่างกันอย่างไร? ควรเลือกใช้อันไหน? 🔋 หลายคนอาจเคยได้ยินคำว่า Regulated DC Voltage และ LDO (Low Dropout Regulator) ในงานอิเล็กทรอนิกส์หรือการออกแบบวงจรจ่ายไฟ แต่เคยสงสัยไหมว่าทั้งสองสิ่งนี้เหมือนกันหรือไม่? 🤔 วันนี้เราจะมาไขข้อข้องใจให้คุณแบบละเอียด พร้อมตารางเปรียบเทียบชัด ๆ ว่าควรเลือกใช้อะไรในงานของคุณ! 🚀 🔍 Regulated DC Voltage คืออะไร? Regulated DC Voltage หมายถึง แรงดันไฟฟ้า DC ที่ถูกควบคุมให้คงที่ ไม่ว่าภาระโหลด (Load) หรือแรงดันอินพุตจะเปลี่ยนไป วงจรจ่ายไฟต้องสามารถรักษาค่าความเสถียรของแรงดันเอาต์พุตได้ 🔹 การทำให้แรงดัน DC คงที่สามารถทำได้หลายวิธี เช่น: ✅ Linear Regulator (ตัวควบคุมแรงดันเชิงเส้น เช่น 78xx, 79xx) ✅ Switching Regulator (วงจรแปลงแรงดันไฟแบบสวิตชิ่ง เช่น Buck, Boost, Buck-Boost) ✅ LDO (Low Dropout Regulator) (เป็น Linear Regulator ชนิดหนึ่ง) ตัวอย่างที่เราพบในชีวิตประจำวัน ได้แก่ Adapter, Power Bank, Switching Power Supply (SMPS) ที่ให้แรงดันคงที่เช่น 5V, 9V, 12V เป็นต้น ⚡ 🔍 LDO (Low Dropout Regulator) ...

📌 The Decline of Branded Headphones: How China is Changing the Game

  📌 The Decline of Branded Headphones: How China is Changing the Game 🔊 Introduction: The Changing Market for Headphones and Audio Equipment Branded headphones and audio devices were once symbols of quality and luxury 🎧✨. However, in recent years, these brands have faced economic pressures that have rapidly transformed the market 🔥. The key factors driving this decline include: ✅ Competition from cheaper and increasingly high-quality Chinese products ✅ Economic downturn reducing consumer purchasing power ⚡ 1. Competition from Chinese Products: Cheaper, Yet Good Enough Previously, renowned brands such as Bose, Sennheiser, Sony, and Audio-Technica commanded high prices due to consumer trust in their quality 💰. However, today, brands like Moondrop, FiiO, TinHiFi, KZ, and 7Hz have become popular alternatives for those seeking "good sound at an affordable price" 🎶. 🏭 Advances in Chinese manufacturing 🔍 have allowed companies to produce ODM and OEM products for majo...